ในห้วงระยะเวลาราวเดือนเศษมานี้มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราซึ่งก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยอย่างกว้างขวาง กระทั่งประชาชนทั่วประเทศมีความห่วงใยว่าประเทศไทยกำลังตกเป็นเครื่องมือของต่างชาติที่อาจถูกใช้เป็นฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์เพื่อทำสงครามกับจีน
เหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นต่อเนื่องและเป็นข่าวมาโดยลำดับแต่กลับไม่มีการชี้แจงแถลงข่าวใดๆให้ประชาชนได้ทราบหรือเข้าใจความจริงเลย
มิหนำซ้ำยังมีลักษณะที่ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยอย่างกว้างขวาง และเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายกรณีต่อเนื่องกันแล้วจึงทำให้ประชาชนเริ่มรู้สึกว่ากำลังมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา นั่นคือการใช้ดินแดนประเทศไทยเป็นฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามกับจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ
เรื่องเช่นนี้ไม่เกิดขึ้นลอยๆ เหมือนควันไฟที่ลอยขึ้นไปบนอากาศ ถ้าหากไม่มีไฟเผาไหม้อยู่แล้วไหนเลยจะมีควันเกิดขึ้นเช่นนั้นได้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องที่จะต้องบอกความจริงและชี้แจงให้เกิดความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดความวิตกกังวลหรือหวาดกลัวในใจของประชาชน
เรื่องอะไรบ้างที่เป็นที่มาและเป็นเหตุให้ประชาชนมีความกังวลว่าจะมีการใช้ดินแดนของประเทศไทยเป็นฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามกับจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ที่สำคัญเท่าที่ประมวลได้มีดังต่อไปนี้
ประการแรก การเดินทางมาเยือนประเทศไทยแบบฉุกละหุกฉุกเฉินและแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐ ซึ่งตอนแรกก็มีลักษณะอภิสิทธิ์ไม่มีการกักตรวจ แต่ต่อมาก็มีการแถลงข่าวว่ามีการกักตรวจตามที่ทางราชการกำหนด
แต่ถึงวันนี้ก็ไม่มีข่าวคราวปรากฏว่าผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐ มาทำอะไร มีการเจรจาในเรื่องอะไร และตกลงในเรื่องอะไรกันบ้าง
ประการที่สอง มีการเปิดเผยโดยสื่อมวลชนสหรัฐเองว่าเพื่อรองรับกับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐ ในการต่อต้านหรือทำสงครามกับจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเทศที่คาบเกี่ยวกับสองมหาสมุทร ในการนี้จำเป็นที่จะต้องหาพื้นที่จัดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่มีรัศมีทำการถึง 3 ประเทศดังกล่าว
หลังจากนั้นก็มีข่าวคราวประเทศอาเซียนบางประเทศได้แถลงข่าวว่าไม่ยินยอมให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกดังกล่าว ดังเช่น ฟิลิปปินส์ประกาศอย่างองอาจท้าทายว่าแม้สหรัฐซึ่งกำลังขอตั้งฐานทัพเรือฟิลิปปินส์ก็ไม่ยินยอมให้ใช้ดินแดนของตน เป็นต้น
ประการที่สาม คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งถือว่าเป็นเหยี่ยวข่าวที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการข่าวต่างประเทศระดับปรมาจารย์ของประเทศไทยได้เปิดเผยในรายการว่า
สหรัฐกำลังตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ซูเปอร์โซนิคบอมบ์ ความเร็วเหนือเสียงกว่า 10 เท่า ในประเทศไทย เพื่อทำสงครามกับจีน และถ้าทำเช่นนั้นก็จะนำประชาชนออกไปต่อต้านขับไล่ ซึ่งข่าวนี้ได้มีการนำไปรายงานในประเทศต่างๆ กว่าค่อนโลก และไม่มีคำปฏิเสธใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง
ประการที่สี่ ในยามที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสหนักหน่วงอยู่ในสหรัฐและประเทศต่างๆ ยุติการซ้อมรบโดยทั่วไป ก็มีการจัดส่งทหารไทยไปฝึกฝนด้านเทคโนโลยีที่สหรัฐ ต่อมาก็มีทหารสหรัฐและญี่ปุ่นรวมร้อยกว่าคนเดินทางเข้ามาประเทศไทย แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยออกข่าวปุ๊บก็ถึงประเทศไทยปั๊บ อ้างว่ามาซ้อมรบแต่ไม่เคยมีภาพหรือข่าวการซ้อมรบเลย และไม่มีการแถลงข่าวว่าทหารเหล่านั้นไปปฏิบัติงานอยู่ที่ไหนอย่างไร ทุกอย่างเงียบกริบและน่าสงสัย
ประการที่ห้า รัสเซียได้ออกคำเตือนอย่างแข็งกร้าวว่าถ้าประเทศใดยิงขีปนาวุธไปยังรัสเซีย จะถือว่าเป็นการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด และมีคำสั่งอัตโนมัติให้ยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้พร้อมกันในทันที ซึ่งคำเตือนนี้แน่นอนว่าย่อมหมายถึงเป็นการเตือนของจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือซึ่งเป็นพันธมิตรกับรัสเซียด้วย
ประการที่หก มีรายงานข่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า จีน ได้เร่งรีบติดตั้งฐานติดตามสัญญาณและฐานทำลายระบบสัญญาณนำร่องต่างๆ เพื่อป้องกันการโจมตีประเทศจีนที่ยูนนาน ฉงชิ่ง และทิเบต แม้ไม่ได้กล่าวว่าการโจมตีนั้นมาจากที่ใดแต่ก็ไม่พ้นไปจากความเกี่ยวข้องของข่าวคราวทั้งหลายในเรื่องนี้ในประเทศไทย และข่าวดังกล่าวนั้นแม้ไม่ระบุถึงการติดตั้งระบบการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้ แต่ในทางการทหารนั้นก็ชัดเจนอยู่ในตัวว่ามีการติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้ด้วย
ประการที่เจ็ด ในวันที่ 16 สิงหาคม 2563 เวลาช่วงเช้าก็มีข่าวคณะอนุรักษ์นิยมแห่งชาติ จัดชุมนุมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประกาศท่าทีขับไล่ทหารสหรัฐออกจากพื้นที่ เรียกร้องให้ประเทศไทยเป็นกลางเพื่อความปลอดภัยของประเทศไทย และต่อมาก็มีการเคลื่อนไหวของคณะนี้ในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ
ทั้งเจ็ดประการดังกล่าวนี้ แม้แต่ละประการยังไม่ใช่หลักฐานยืนยันว่ามีการติดตั้งหรือกำลังติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในประเทศไทย แต่เมื่อประกอบเข้าทั้งเจ็ดประการแล้วก็จะห้ามคนทั้งหลายไม่ให้สงสัยนั้นไม่ได้
เหมือนดั่งด้ายเส้นน้อยอาจบางเบาไม่แข็งแรงพอที่จะยกของอันหนักขึ้นได้ แต่เมื่อประกอบเข้าเป็นเชือกใหญ่ก็ย่อมยกของอันหนักได้ฉันใด ทั้งเจ็ดประการนี้
จึงมีเหตุผลเพียงพอที่คนทั้งหลายจะสงสัยได้
จึงเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ต้องบอกความจริงกับประชาชนว่าไปทำความตกลงกับสหรัฐให้เข้ามาตั้งฐานยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ในประเทศไทย หรือไม่
มิฉะนั้นความสงสัยเหล่านี้ก็จะขยายตัวต่อไปจนอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
August 22, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/3aJMuL3
คอลัมน์การเมือง - ไทยจะเป็นฐานยิงขีปนาวุธรบกับจีนหรือ? - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/3f8bRqU
Bagikan Berita Ini
0 Response to "คอลัมน์การเมือง - ไทยจะเป็นฐานยิงขีปนาวุธรบกับจีนหรือ? - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"
Post a Comment