Search

ยอดติดโควิดมีอีก 15 ราย ล้วนจากนอก ศธ.เปิดเรียน รูปแบบปกติ 13 สิงหาคมนี้ - ไทยรัฐ

nasionaladaberita.blogspot.com

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนสายวันที่ 7 ส.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 15 ราย อยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,345 ราย ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 139 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่มาจากอียิปต์ 4 ราย เป็นชายไทยอายุ 22, 23, 26 และ 28 ปี มาถึงไทยวันที่ 24 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ส.ค. ทั้งหมดไม่มีอาการ

ส่วนใหญ่ไม่มีอาการแสดง

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า อีก 10 รายมาจากซาอุดีอาระเบีย เป็นนักศึกษาชายไทย 9 ราย อายุระหว่าง 24-28 ปี และพนักงานโรงงานชายไทย 1 ราย อายุ 43 ปี ทั้งหมดมาถึงไทยวันที่ 25 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 11 ของการเข้ากักตัว ทั้งหมดไม่มีอาการ และอีก 1 รายมาจากญี่ปุ่น เป็นชายไทย อายุ 29 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 31 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.สมุทรปราการ ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการเข้ากักตัว ผู้ป่วยไม่มีอาการ

ชมไทย–นิวซีแลนด์ สู้โควิดเข้มแข็ง

โฆษก ศบค.กล่าวด้วยว่า สถานการณ์โลกมียอดผู้ติดเชื้อมากถึง 19,256,652 ราย รักษาหายแล้ว 12,357,308 ราย เสียชีวิต 711,680 ราย ที่น่าสนใจนางคีตา สภารวัล ผู้แทนองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้เขียนบทความลงในเว็บไซต์ขององค์การสหประชาติ แสดงความชื่นชมความสำเร็จทำให้องค์การอนามัยโลกยกย่องให้ไทยและนิวซีแลนด์เป็นความสำเร็จที่ประเทศอื่นควรศึกษา ระบุว่าความสำเร็จนี้มาจาก 3 ปัจจัย 1.มาตรการของรัฐบาล 2.ความรับผิดชอบต่อสังคมของจิตอาสา 3.ความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน ดังนั้น จึงขอยกความสำเร็จนี้เป็นความดีความชอบของประชาชนทุกคน ศึกนี้ยังอีกยาวนานต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชน

หนุนติดป้ายหน้าโรงแรมที่กักตัว

เมื่อถามว่า ประชาชนอยากทราบว่ามีโรงแรม ใดบ้างที่เข้าร่วมเป็นอัลเทอร์เนทีฟ ควอรันทีน หรือเอเอสคิว รวมทั้งอยากให้แต่ละโรงแรมติดป้ายหน้าโรงแรมให้ประชาชนตัดสินใจก่อนเข้าพักไปได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ตอบว่า เราได้มีการเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ www.sscovid.com ของกรมสนับสนุนบริการ สุขภาพว่า มีโรงแรมใดบ้างที่ร่วมเป็นเอเอสคิว ไม่มีการปิดบัง ยืนยันว่าในโรงแรมจะมีมาตรการต่างๆ มีระบบป้องกันความปลอดภัยผ่านมาตรการควบคุมโรค ถ้ากักตัวไม่ครบ 14 วัน ห้ามออกนอกโรงแรม

เมื่อถามว่า การเข้าฝึกของทหารสหรัฐอเมริกาเข้าพักในไทยที่โรงแรมคอนราด ผลตรวจโควิดเป็นอย่างไรและไปพักที่ไหนบ้าง นพ.ทวีศิลป์ตอบว่า เรื่องนี้กองทัพบกเจ้าภาพร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ให้ข้อมูลรายละเอียด ผลตรวจออกมาแล้วทั้ง 110 ราย ยังไม่พบเชื้อ เข้าพักใน 3 โรงแรมคือ คอนราด อนันตรา ริเวอร์ไซด์ ดิไอดอล

ถกเปิด 5 กิจกรรมเต็มรูปแบบ

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงบ่ายวันที่ 7 ส.ค. มีการพิจารณา 5 ประเด็นคือ 1.การเปิดโรงเรียนโดยไม่ต้องสลับกันเรียน โดยกระทรวงศึกษาธิการจะเสนอรูปแบบขึ้นมาเพื่อพิจารณาร่วมกัน 2.การเปิดให้บริการรถโดยสารสาธารณะในรูปแบบสามารถนั่งได้เต็มทุกที่นั่ง 3.การแข่งขันกีฬาแบบมีผู้เข้าชม ที่ขณะนี้มีการนำร่องแล้วที่ จ.ระยอง โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเสนอรูปแบบเข้ามาเพื่อให้ ศบค.พิจารณาในเชิงนโยบาย 4.การขายอาหารบนเครื่องบิน 5.การขยายเวลาการเปิดสถานบริการถึงตีสอง และการแถลงข่าวที่ทำเนียบครั้งต่อไปอาจเป็นอีก 1-2 สัปดาห์ ที่มารายงานสถานการณ์ใหญ่สำคัญๆ แต่หากยังไม่มีอะไรมาก จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขแถลงข่าวทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์

11 ทหารสหรัฐฯติดโควิดแค่ข่าวลือ

วันเดียวกัน หลังมีกระแสข่าวว่า มีทหารสหรัฐฯ ที่มาฝึกร่วมในไทยติดเชื้อโควิด 11 ราย พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงเรื่องนี้ว่า ทหารสหรัฐฯที่เข้ารับการกักตัวในโรงแรมที่เป็น Alternative State Quarantine (ASQ) ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 11 ราย ว่า จากการตรวจสอบยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข่าวลือ จากการตรวจด้วยการสวอปครั้งแรกพบว่า ทหารสหรัฐฯทุกนายมีผลเป็นลบไม่มีใครติดเชื้อ จากนี้ทุกคนต้องกักตัวให้ครบ 14 วันจึงจะสามารถออกมาปฏิบัติภารกิจทางทหารได้

คาด 13 ส.ค. เปิดเรียนเต็มรูปแบบ

ขณะที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า มีการพิจารณาให้โรงเรียนเปิดสอนเต็มรูปแบบ 100% โดยไม่ต้องเว้นระยะ แต่นักเรียนจะต้องจดบันทึกทุกครั้งว่าเลิกเรียนแล้วไปไหนมาบ้าง เพื่อเป็นมาตรการติดตามตัว หากเกิดการแพร่ระบาดโรคในสถานศึกษาและสลับวันเรียน หากโรงเรียนสามารถบริหารจัดการได้ แต่พยายามให้มีการเรียนในห้องเรียนน้อยที่สุด เรื่องดังกล่าวไม่ต้องเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ แต่จะนำเสนอนายกฯในวันที่ 10 ส.ค. หากนายกฯตัดสินใจลงนาม คาดว่าจะเริ่มเปิดเรียนแบบ 100% ได้ในวันที่ 13 ส.ค.

ให้คนไทยในบราซิลแจ้งชื่อขอกลับ

น.ส.นิธิวดี มานิตกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ยังแพร่ระบาดในหลายประเทศ สถานเอกอัครราชทูตได้ทำหน้าที่ตรวจลงตราและออก Certificate of Entry ให้กับผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยตามมาตรการอนุญาตของรัฐบาลไทย ที่จะต้องยื่นหลักฐานสำคัญ ประกอบด้วย ตั๋วเครื่องบินเข้าไทย และการจ่ายเงินจองที่พัก Alternative State Quarantine ในไทย ดังนั้น สถานเอกอัครราชทูตขอให้คนไทยและครอบครัวคนไทยที่พักอาศัยอยู่ในประเทศบราซิล ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ให้รีบแจ้งความจำนงในการเดินทางกลับต่อสถานเอกอัครราชทูต เพื่อขอโควตาและที่นั่งในเที่ยวบินที่จะนำคนไทยกลับ ทั้งนี้ หากไม่มีคนไทยประสงค์จะเดินทางกลับแล้ว สถานเอกอัครราชทูตจะพิจารณาเรื่องที่คนต่างชาติที่ได้รับสิทธิในการเดินทางเข้าประเทศไทย และขอโดยสารในเที่ยวบินที่จะนำคนไทยกลับต่อไป

ประเมิน ธ.ค.มะกันตาย 3 แสน

สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในต่างแดน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มเป็น 19.3 ล้านคน เสียชีวิตรวมมากกว่า 720,000 คน โดยที่สหรัฐอเมริกาจุดศูนย์กลางการระบาดอันดับ 1 ของโลก มียอดผู้ติดเชื้อรวม 5.03 ล้านคน เสียชีวิตรวมกว่า 163,000 คน ขณะที่ทีมวิจัยศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวอชิงตันประเมินว่า จากทิศทางของสถานการณ์ในปัจจุบัน จะทำให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตสูงถึง 300,000 คน ภายในวันที่ 1 ธ.ค. แต่จะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้กว่า 70,000 คน หากประชาชนมีวินัยเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย

ชูไทยเทียร์ 1 ความเสี่ยงตํ่าสุด

ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ร่วมกับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ได้ยกเลิกคำเตือนห้ามชาวอเมริกันเดินทางไปต่างประเทศ พร้อมประกาศให้ประเทศไทย นิวซีแลนด์ และเกาะฟิจิ เป็นประเทศระดับเทียร์ 1 หรือประเทศที่มีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่ำที่สุดในโลก สำหรับประเทศส่วนใหญ่ยังคงอยู่ระดับเทียร์ 3 หรือควรทบทวนการเดินทาง อาทิอังกฤษ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และระดับเทียร์ 4 ห้ามเดินทางโดยเด็ดขาด เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย อียิปต์ อิหร่าน ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นการเปิดทางให้ชาวอเมริกันเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำได้ แต่ผู้ที่เดินทางจะต้องยอมรับมาตรการกักบริเวณของประเทศปลายทาง

โวได้วัคซีนก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ

ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯจะมีวัคซีนต่อต้านไวรัสโควิด-19 ก่อนวันเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ 3 พ.ย. พร้อมลงนามคำสั่งประธานาธิบดีให้บริษัทเวชภัณฑ์ต่างๆ เร่งกระบวนการผลิตยาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น รวมถึงการลดราคายาให้ถูกลง และสำรองปริมาณยาที่จำเป็นให้ เพียงพอ เพื่อป้องกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสตัวใหม่ในอนาคต อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของนายทรัมป์ ถือว่าแย้งกับนายแอนโธนี ฟอซี หัวหน้าทีมรับมือไวรัสประจำทำเนียบขาวที่เชื่อว่า สหรัฐฯจะมีวัคซีนที่ได้ผลในช่วงสิ้นปีหรือต้นปี 2564

อินเดียติดเชื้อ 1 ล้านคนใน 10 วัน

ที่อินเดีย กระทรวงสาธารณสุขรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อในวันเดียว 62,170 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมทั่วประเทศพุ่งทะลุ 2 ล้านคนอย่างเป็นทางการ เสียชีวิตรวมมากกว่า 42,000 คน นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าอินเดียมีผู้ติดเชื้อรวมเพิ่มจาก 1 ล้านคนกลายเป็น 2 ล้านคน ภายในเวลาเพียง 20 วัน ถือว่ามีอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่าสหรัฐฯและบราซิล ซึ่งที่บราซิลมียอดผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 2.91 ล้านคน เสียชีวิตรวมเกือบ 100,000 คน

ทวีปแอฟริกายอดทะลุ 1 ล้านคน

ส่วนนายจอห์น อึงเคนกาซอง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพแอฟริกา (AU) ออกแถลงการณ์ว่า ยอดผู้ติดเชื้อรวมในทวีปแอฟริกาได้พุ่งสูงทะลุ 1 ล้านคนอย่างเป็นทางการ เสียชีวิตรวมทั้งทวีปมากกว่า 22,000 คน โดยผู้ติดเชื้อมากกว่าครึ่งหนึ่งพบในประเทศแอฟริกาใต้ ที่มียอดรวมอยู่ที่ 538,184 คน เสียชีวิตรวม 9,604 คน ขณะที่แทนซาเนียถือเป็นประเทศที่สถานการณ์น่าวิตกกังวล เพราะไม่มีรายงานความคืบหน้าการแพร่ระบาดของไวรัสมาตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. และการติดต่อประสานไปก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ซึ่งสภาวะมืดบอดของข้อมูลข่าวสารเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

ติดแต่ไม่ป่วยแพร่เชื้อได้เหมือนกัน

วันเดียวกัน ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยการแพทย์ซูนชุนฮยางของเกาหลีใต้ เผยแพร่รายงานผ่านวารสารการแพทย์จามา (JAMA) ของสมาคมการ แพทย์อเมริกัน ว่าจากการตรวจสอบตัวอย่างของเหลวในโพรงจมูกและลำคอของผู้ถูกกักบริเวณ 303 คน ในศูนย์กักตัวเมืองโชนัน ซึ่งในจำนวนนี้ 110 คนเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ระหว่างวันที่ 6-26 มี.ค. ได้พบว่ามีปริมาณของไวรัสไม่ต่างกับผู้ติดเชื้อที่ ล้มป่วย ซึ่งกรณีนี้จึงสรุปได้ว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการป่วย สามารถแพร่เชื้อไวรัสให้แก่ผู้อื่นได้ในระดับไม่ต่างกับผู้ติดเชื้อที่ล้มป่วยแต่อย่างใด




August 08, 2020 at 05:28AM
https://ift.tt/30CS7XX

ยอดติดโควิดมีอีก 15 ราย ล้วนจากนอก ศธ.เปิดเรียน รูปแบบปกติ 13 สิงหาคมนี้ - ไทยรัฐ

https://ift.tt/3f8bRqU


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ยอดติดโควิดมีอีก 15 ราย ล้วนจากนอก ศธ.เปิดเรียน รูปแบบปกติ 13 สิงหาคมนี้ - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.