โลกยังวิกฤต ติดโควิดพุ่งทะลุ 21.5 ล้านคน - ช่อง 7

nasionaladaberita.blogspot.com

วันนี้ (16 ส.ค. 63) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก ตอนนี้ พุ่งสูงกว่า 21.4 ล้านคน เสียชีวิตมากกว่า 7.6 แสนคน หายป่วยกว่า 14 ล้านคน โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดกว่า 5.4 ล้านคน เสียชีวิตราว 1.7 แสนคน ตามด้วยบราซิลมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 3.2 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 106,000. คน และอินเดียมีผู้ติดเชื้อ 2.5 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 5 หมื่นคน

สำนักข่าว “ทาสส์” (TASS) ของทางการรัสเซีย รายงานว่า รัสเซียเริ่มต้นกระบวนการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ชื่อ “สปุตนิก วี” แล้ว เพื่อเตรียมฉีดให้กับบรรดาแพทย์ เป็นกลุ่มแรกในช่วงปลายเดือนนี้ แม้ว่า หลายฝ่ายจะแสดงความวิตกเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน “สปุตนิก วี” เนื่องจากยังไม่ผ่านการทดลองทางคลีนิคขั้นที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย

สำหรับวัคซีน “สปุตนิก วี” ได้รับการพัฒนาโดยสถาบันวิจัยด้านจุลชีววิทยาและระบาดวิทยา ที่ชื่อ “กามาเลยา” ในกรุง มอสโก และเพิ่งเริ่มการทดลองขั้นที่ 3 เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยจะมีอาสาสมัครเข้าทดลองเพียงราวๆ 2 พันคน ทั้งที่ต้องใช้อาสาสมัครจำนวนหลายพันคน และอาจเพิ่มจำนวนได้สูงสุดถึง 3 หมื่นคน

ทางด้านศูนย์ประเมินคุณภาพยาของจีน หรือ “ซีซีดีอี” ออกเอกสาร ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต้องมีประสิทธิภาพใช้ได้ร้อยละ 50 และสร้างภูมิคุ้มกันอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศจีนได้ แม้ว่าทางการจีนตั้งเป้าไว้ว่า วัคซีนที่จะใช้กับพลเมืองในประเทศ ควรมีประสิทธิภาพใช้ได้ถึงร้อยละ 70 ก็ตาม โดยคำว่า มีประสิทธิภาพใช้ได้ร้อยละ 50 หมายถึง วัคซีนต้องสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้รับการฉีดอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้รับการฉีดทั้งหมด ซึ่งตรงกับมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯกำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของระยะเวลาสร้างภูมิคุ้มกัน องค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ควรสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้รับการฉีดได้ถึง 1 ปี ขณะที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯไม่ระบุระยะเวลาที่วัคซีนต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้รับการฉีดแต่อย่างใด

ขณะที่ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1,070 คนเมื่อวันเสาร์ที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่มีผู้ติดเชื้อใหม่เกินกว่า 1 พันคน โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ มี 385 คนที่กรุงโตเกียว ทำให้เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น พบผู้ติดเชื้อใหม่เกินกว่า 380 คนเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับเทศกาล “โอบง” ระหว่างวันที่ 13-16 ส.ค. ซึ่งประชาชนมักเดินทางกลับต่างจังหวัดเพื่อไปไหว้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดในญี่ปุ่น มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมกว่า 5.4 หมื่นคน และเสียชีวิตแล้ว 1,099 คน

ด้านทางการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ได้จัดตั้งห้องปฎิบัติการในรูปแบบเต๊นท์พองลม ทั้งหมด 16 ห้องที่อุทยานอนุสรณ์ “ซุน ยัต เซน” ในเขตไซ ยิง ปัน (Sai Ying Pun) เพื่อเร่งกวาดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาขนในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ส่วนสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ที่ฮ่องกง พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 46 คน นับเป็นวันที่ 13 ติดต่อกันที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 100 คน หลังจากที่ทางการใช้มาตรการจำกัดกิจกรรมของประชาชนอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 คน ทำให้ล่าสุดฮ่องกง มียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 4,400 คน และเสียชีวิตแล้ว 69 คน

นอกจากนี้ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคระบาดของสหรัฐฯ หรือ “ซีดีซี” เปิดเผยตัวเลขว่า มีเด็กร้อยละ 7 จากประชากรเด็กทั้งหมดร้อยละ 22 ในประเทศสหรัฐฯ ที่มีเชื้อโควิด-19 และจำนวนเด็กที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือน มี.ค. – ก.ค. ที่ผ่านมา โดยซีดีซี เปิดเผยว่า พวกเขาพบหลักฐานล่าสุดที่ระบุว่า เด็กๆ มีปริมาณเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่บริเวณโพรงจมูก มากในระดับเดียวกับผู้ใหญ่ และสามารถแพร่เชื้อไวรัสภายในบ้านที่พักอาศัย หรือบริเวณค่ายพักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้การเปิดเผยตัวเลขของศูนย์ซีดีซี ครั้งนี้ มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลกลางภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำ สหรัฐฯ กำลังขัดแย้งกับบรรดาผู้ว่าการรัฐต่างๆ เรื่องการกำหนดมาตรการในการเปิดโรงเรียนอีกครั้ง